ผมค่อนข้างจะเหนื่อยกับอารมณ์ความรู้สึกของคนอื่น
เดี๋ยวมีงอนใส่ มีตามง้อ มีนั่น มีนี่ ฯลฯ
เห็นอ้างกันมากในเรื่อง "ความรู้สึก"
อันที่จริง มันเป็นแค่ตัวตนที่คุณสร้างขึ้นมาเอง
เพื่อสนองความต้องการ ความพึงพอใจของคุณเท่านั้นล่ะ
แล้วคุณมักจะเอาเรื่อง "สิทธิ" มาผสมปนเปเข้ากันกับ "ความรู้สึก"
ซึ่งผมขอบอกตามตรง ว่า "คนละเรื่อง" กันเลย
"สิทธิ" ที่คุณเอามาผนวกเข้าน่ะ มันเป็นแค่ "ความเห็นแก่ตัว" ของคุณ
ทุกอย่าง คุณสร้างขึ้นมาเอง รวมถึงตรรกะในการมองโลกของคุณด้วย
จะอวย จะเข้าข้างตัวเองกันไปถึงไหน ?
สิ่งมีชีวิตในโลกสามมิติ ทำได้แค่นี้เองเหรอ ?
คุณมีคุณค่าในตัวของคุณเอง ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาเห็น
เก็บไปไว้ให้กับคนที่รักคุณที่สุดอย่างผู้ให้กำเนิดเถอะ
หรือถ้าไม่มี คุณก็สู้ต่อไปสิครับ ชีวิตนี้เกิดมาเพื่อสู้นะ
ไม่มีคู่ คุณก็ยังไม่ได้หายตายจากโลกใบนี้เสียหน่อย
คิดซะว่าที่ผมบ่น ๆ มานี่
เป็นหลับฝันร้ายแล้วตื่นมาก็แล้วกัน
ผมจำเป็นต้องเดินหน้าต่อไป ไม่ว่าจะมีคนรัก หรือคนเกลียดก็ตาม...
วันพฤหัสบดีที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2554
วันศุกร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2554
ความรัก กับนกเงือก
วันนี้ไม่รู้เกิดอาการเป็นบ้าอะไรนะ
อยากจะลองพิมพ์เรื่องที่ดูมีสาระกับเขาบ้าง
รู้สึกว่าตอนเด็ก ๆ ผมจะเคยดูสารคดีเกี่ยวกับนกเงือกมาก่อน
และได้รู้ว่า มันเป็นสัตว์ที่รักเดียวใจเดียว
ตั้งแต่เกิด จนกระทั่งวันตาย มันจะมีคู่เพียงตัวเดียวเท่านั้น
แม้ว่าอีกตัวจะตายจากไป มันก็จะไม่ยอมหาคู่ใหม่
หลายคนที่เคยผิดหวังจากความรัก รึว่าอกหักนั่นแหละนะ
ก็คงอยากจะให้คนเราเป็นเหมือนนกเงือก....
แต่ผมไม่อยากเป็นนกเงือก
เพราะผมมีความเชื่อว่า
"สัตว์น่ะ มีความรักด้วยสัญชาตญาณ
ไม่ว่ามันจะชอบหรือไม่ชอบกันก็ตาม"
ต่างจากมนุษย์ ที่มีความรักด้วยอารมณ์และความรู้สึกปรารถนาลึก ๆ ในจิตใจ
มันเลยทำให้ความรักของมนุษย์ ดูมีคุณค่ามากกว่าพวกสัตว์เป็นกอง
ในทางตรงกันข้าม อารมณ์และความรู้สึกก็ทำให้มนุษย์
เป็นสัตว์ที่เปลี่ยนคู่ได้อย่างง่ายดายที่สุดเช่นเดียวกัน
ความรักของนกเงือก เกิดมาจากสัญชาตญาณ
แต่ความรักของมนุษย์นั้น เกิดมาจากหัวใจ
เราเลือกได้ว่าใครคือคนที่ใช่สำหรับเรา
เราเลือกได้ว่าใครคือคนที่เราอยากจะรัก
ผมเลยคิดว่า ไม่อยากเป็นนกเงือก
เลยสร้างหลักยึดถือของตัวเองไว้
ว่าต้องให้เกียรติ ให้ความเคารพผู้หญิงเสมอ
เกียรติและความเคารพในที่นี้
ไม่ได้หมายความว่าต้องตามอกตามใจมันซะทุกอย่าง
ต้องตามเลี้ยงนั่น ตามหานี่ ให้วุ่นวายใจไปวัน ๆ
แต่เป็นการดูแลเอาใจใส่ เข้าใจซึ่งกันและกันทั้งสองฝ่าย
ผู้หญิงส่วนใหญ่ อาจไม่เข้าใจว่าผมต้องการจะสื่ออะไร
น้อยคนนัก หรือว่าไม่มีเลยก็ได้มั้ง ที่จะรู้...
เขาลือกันเป็นคำพูดติดปากไปเสียแล้ว
ว่าผู้ชายเริ่มคบกับผู้หญิงเต็มที่ 100 % แล้วค่อยลดลงไปเรื่อย ๆ
ในขณะที่ผู้หญิง จะเริ่มจาก 1 ไปจนถึง 100 %
ผมเอง ก็ไม่เข้าใจในนิยามนี้นัก....
ตัวผมเอง เวลาเหลือน้อย ถึงขั้นน้อยมาก
คงจะหาคำตอบเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้เพียงเท่านี้
อิจฉาคนที่ยังมีสภาพพร้อมพอ ที่จะไล่ตามความฝันของตัวเองชะมัด
ผมคงทำอะไรไม่ได้มากกว่านี้ นอกจากจะฝากความหวังเอาไว้กับคนเหล่านั้น
และคน ๆ หนึ่ง ที่ผมรักมากที่สุด....
(ลึก ๆ ก็ยังอยากจะเป็นนกเงือกอยู่....)
อยากจะลองพิมพ์เรื่องที่ดูมีสาระกับเขาบ้าง
รู้สึกว่าตอนเด็ก ๆ ผมจะเคยดูสารคดีเกี่ยวกับนกเงือกมาก่อน
และได้รู้ว่า มันเป็นสัตว์ที่รักเดียวใจเดียว
ตั้งแต่เกิด จนกระทั่งวันตาย มันจะมีคู่เพียงตัวเดียวเท่านั้น
แม้ว่าอีกตัวจะตายจากไป มันก็จะไม่ยอมหาคู่ใหม่
หลายคนที่เคยผิดหวังจากความรัก รึว่าอกหักนั่นแหละนะ
ก็คงอยากจะให้คนเราเป็นเหมือนนกเงือก....
แต่ผมไม่อยากเป็นนกเงือก
เพราะผมมีความเชื่อว่า
"สัตว์น่ะ มีความรักด้วยสัญชาตญาณ
ไม่ว่ามันจะชอบหรือไม่ชอบกันก็ตาม"
ต่างจากมนุษย์ ที่มีความรักด้วยอารมณ์และความรู้สึกปรารถนาลึก ๆ ในจิตใจ
มันเลยทำให้ความรักของมนุษย์ ดูมีคุณค่ามากกว่าพวกสัตว์เป็นกอง
ในทางตรงกันข้าม อารมณ์และความรู้สึกก็ทำให้มนุษย์
เป็นสัตว์ที่เปลี่ยนคู่ได้อย่างง่ายดายที่สุดเช่นเดียวกัน
ความรักของนกเงือก เกิดมาจากสัญชาตญาณ
แต่ความรักของมนุษย์นั้น เกิดมาจากหัวใจ
เราเลือกได้ว่าใครคือคนที่ใช่สำหรับเรา
เราเลือกได้ว่าใครคือคนที่เราอยากจะรัก
ผมเลยคิดว่า ไม่อยากเป็นนกเงือก
เลยสร้างหลักยึดถือของตัวเองไว้
ว่าต้องให้เกียรติ ให้ความเคารพผู้หญิงเสมอ
เกียรติและความเคารพในที่นี้
ไม่ได้หมายความว่าต้องตามอกตามใจมันซะทุกอย่าง
ต้องตามเลี้ยงนั่น ตามหานี่ ให้วุ่นวายใจไปวัน ๆ
แต่เป็นการดูแลเอาใจใส่ เข้าใจซึ่งกันและกันทั้งสองฝ่าย
ผู้หญิงส่วนใหญ่ อาจไม่เข้าใจว่าผมต้องการจะสื่ออะไร
น้อยคนนัก หรือว่าไม่มีเลยก็ได้มั้ง ที่จะรู้...
เขาลือกันเป็นคำพูดติดปากไปเสียแล้ว
ว่าผู้ชายเริ่มคบกับผู้หญิงเต็มที่ 100 % แล้วค่อยลดลงไปเรื่อย ๆ
ในขณะที่ผู้หญิง จะเริ่มจาก 1 ไปจนถึง 100 %
ผมเอง ก็ไม่เข้าใจในนิยามนี้นัก....
ตัวผมเอง เวลาเหลือน้อย ถึงขั้นน้อยมาก
คงจะหาคำตอบเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้เพียงเท่านี้
อิจฉาคนที่ยังมีสภาพพร้อมพอ ที่จะไล่ตามความฝันของตัวเองชะมัด
ผมคงทำอะไรไม่ได้มากกว่านี้ นอกจากจะฝากความหวังเอาไว้กับคนเหล่านั้น
และคน ๆ หนึ่ง ที่ผมรักมากที่สุด....
(ลึก ๆ ก็ยังอยากจะเป็นนกเงือกอยู่....)
Credit ผสมไอเดีย : Everyday of Someone
วันอาทิตย์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2554
อยากลองเล่นดนตรีขึ้นมา
สวัสดีครับทุกท่าน รึว่าผมจะสวัสดีตัวเองก่อนกันแน่นะ ?
ฮะ ๆ ๆ เพิ่งเข้ามาสมัครใหม่น่ะครับ
เลยไม่รู้ว่าจะพิมพ์อะไรดี
คิดไปคิดมา นึกถึงที่เพื่อนชวนกันตั้งวงเล่นดนตรีกันน่ะ
พูดถึงทักษะในการเล่นดนตรีของผมแล้ว
คงไม่มีอะไรมากมาย นอกจากแหกปากไมโครโฟนกับโปรฯพี่นิก
(Nick Karaoke นั่นแล ~)
แต่เดี๋ยวก่อนนะ ! เคยเล่นอยู่ไม่ใช่เรอะ ? กีตาร์ไง !
สมัยเด็ก ๆ ผมมักจะไม่เห็นคุณค่าของสิ่งที่คนอื่นได้รับ
ประมาณ ป.6 กระมัง ที่ได้มีโอกาส (ถูกบังคับ) จับกีตาร์
แม่ผมเคยบอกเอาไว้ ว่าจะพาไปข้างนอก ผมก็งง เอ๊ะมันยังไง
สุดท้ายก็ลงเอยด้วยการนั่งอยู่ที่ห้องซ้อมกีตาร์ของครูอัฐ
แรก ๆ เคยคิดว่า ทำไมแม่ชอบบังคับลูกอย่างนี้นะ
อยู่บ้านเฉย ๆ ไปวัน ๆ ท่าทางสนุกกว่านี้อีก
ไป ๆ มา ๆ เราทนมานั่งเรียนทุกวันตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
ที่ผมได้เรียน ๆ มาจากครูอัฐ คือการเล่นโน๊ตพื้นฐาน
พอถึงช่วงที่ครูอัฐจะสอนคอร์ดให้ ผมก็ไม่ค่อยว่างเท่าไหร่
ตอนนั้นผมกำลังเตรียมตัวสอบเข้าสวนกุหลาบอยู่
หลังจากนั้นมา ก็ไม่ได้เยี่ยมเยือนห้องซ้อมครูอัฐอีกเลย
ผมถูกย้ายตัวกลับมาศรีสะเกษอีกครั้งก็ตอน ม.4 เทอมสอง
นึกครึ้มอยากจะไปกราบคารวะท่านอาจารย์อัฐสักครั้ง
ปรากฎว่าห้องซ้อมครูฯ ปิดร้างเสียงั้น
จากนั้นอีกไม่นาน ตัวผมเกิดความคิดที่อยากจะกลับมาเล่นอีกครั้ง
คิดว่าคงสายไปเสียแล้ว น่าจะให้ความสำคัญกับมันให้มากกว่านี้เสียแต่แรก
ได้แต่เสียใจ เล็ก ๆ แต่ก็เท่านั้นล่ะ...
ผมไม่รู้ว่าตอนนี้ครูอยู่ที่ไหน แต่ก็ยังคิดถึงครูอยู่นะครับ
อยากให้ครูช่วยสอนผมให้เล่นคอร์ดระดับโปร ผมจะได้เล่นกับวงเพื่อนบ้าง ~
ฮะ ๆ ๆ เพิ่งเข้ามาสมัครใหม่น่ะครับ
เลยไม่รู้ว่าจะพิมพ์อะไรดี
คิดไปคิดมา นึกถึงที่เพื่อนชวนกันตั้งวงเล่นดนตรีกันน่ะ
พูดถึงทักษะในการเล่นดนตรีของผมแล้ว
คงไม่มีอะไรมากมาย นอกจากแหกปากไมโครโฟนกับโปรฯพี่นิก
(Nick Karaoke นั่นแล ~)
แต่เดี๋ยวก่อนนะ ! เคยเล่นอยู่ไม่ใช่เรอะ ? กีตาร์ไง !
สมัยเด็ก ๆ ผมมักจะไม่เห็นคุณค่าของสิ่งที่คนอื่นได้รับ
ประมาณ ป.6 กระมัง ที่ได้มีโอกาส (ถูกบังคับ) จับกีตาร์
แม่ผมเคยบอกเอาไว้ ว่าจะพาไปข้างนอก ผมก็งง เอ๊ะมันยังไง
สุดท้ายก็ลงเอยด้วยการนั่งอยู่ที่ห้องซ้อมกีตาร์ของครูอัฐ
แรก ๆ เคยคิดว่า ทำไมแม่ชอบบังคับลูกอย่างนี้นะ
อยู่บ้านเฉย ๆ ไปวัน ๆ ท่าทางสนุกกว่านี้อีก
ไป ๆ มา ๆ เราทนมานั่งเรียนทุกวันตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
ที่ผมได้เรียน ๆ มาจากครูอัฐ คือการเล่นโน๊ตพื้นฐาน
พอถึงช่วงที่ครูอัฐจะสอนคอร์ดให้ ผมก็ไม่ค่อยว่างเท่าไหร่
ตอนนั้นผมกำลังเตรียมตัวสอบเข้าสวนกุหลาบอยู่
หลังจากนั้นมา ก็ไม่ได้เยี่ยมเยือนห้องซ้อมครูอัฐอีกเลย
ผมถูกย้ายตัวกลับมาศรีสะเกษอีกครั้งก็ตอน ม.4 เทอมสอง
นึกครึ้มอยากจะไปกราบคารวะท่านอาจารย์อัฐสักครั้ง
ปรากฎว่าห้องซ้อมครูฯ ปิดร้างเสียงั้น
จากนั้นอีกไม่นาน ตัวผมเกิดความคิดที่อยากจะกลับมาเล่นอีกครั้ง
คิดว่าคงสายไปเสียแล้ว น่าจะให้ความสำคัญกับมันให้มากกว่านี้เสียแต่แรก
ได้แต่เสียใจ เล็ก ๆ แต่ก็เท่านั้นล่ะ...
ผมไม่รู้ว่าตอนนี้ครูอยู่ที่ไหน แต่ก็ยังคิดถึงครูอยู่นะครับ
อยากให้ครูช่วยสอนผมให้เล่นคอร์ดระดับโปร ผมจะได้เล่นกับวงเพื่อนบ้าง ~
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)